Talk: ไข้น้ำนมในกระต่าย 4 (หลักการ ตอนจบ)
จริงๆแล้วบทความทั้งหมดนี้เริ่มต้นจากรายงานการวิจัยอันนี้ครับ
หลังจากที่เพื่อผมถามพอเจองานวิจัยอันนี้ผมก็สบายใจเลยครับ
งานวิจัยคือการทดลองในจำนวนสัตว์ที่มีการคิดวิเคราะห์อย่างดีแล้วว่าเป็นตัวแทนของประชากรในชีวิตจริงได้
แต่อย่างไรก็ตามนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
แล้วประสบผลสำเร็จย่อมดีกว่าผลสำเร็จทางการทดลอง
เนื่องจากการทดลองก็ทำเพื่อให้สามารถใช้ได้ในชีวิตจริงนั่นเอง
จากการทดลองของ
Barlet
(1980) ได้ทดลองเปรียบเทียบกระต่ายปริมาณของ แคลเซียม ฟอสฟอรัส
และแมกนีเซียม ในเลือดกระต่าย ระหว่างกระต่ายปกติกับกระต่ายท้องจนให้นม (รูปที่ 1) แกนนอนคือระยะเวลาของกระต่าย เลข 20 จากด้าน
ซ้ายคือ ก่อนคลอด 20 วัน เลข 0 คือวันที่คลอด
ส่วนเลข 20 ด้านขวาคือ วันที่ 20 หลังคลอดซึ่งอยู่ในช่วงให้นมลูก
แกนตั้งคือความเข้มข้นของสารในเลือด โดยจากด้านบนสู่ด้านล่างคือ แคลเซียม ฟอสฟอรัส
และแมกนีเซียม ตามลำดับ โดยสีเขียวเป็นกลุ่มควบคุมคือ กระต่ายไม่ได้ท้องสุขภาพดี
ส่วนสีแดงคือกลุ่มกระต่ายที่ท้อง คลอดลูก และให้นม
ถ้าพบดอกจันหมายความว่ามีความแตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบระหว่าง กลุ่มควบคุม
และกลุ่มกระต่ายที่ท้อง ดอกจันสองดอก (P<0.01) แสดงว่ามีความแตกต่างมากกว่าดอกจัน 1 ดอก (P<0.05) ถ้าไม่พบดอกจันแสดงว่าไม่แตกต่างกัน
โดยวิธีการดูว่าแตกต่างกันหรือไม่ใช้วิธีทดสอบทางสถิติ
เมื่อนักวิจัยทดลองสิ่งต่างๆเช่น กินอาหาร A กับ อาหาร B อันไหนดีกว่า
สมมติสุนัข 10 ตัวกิน A มากกว่า B อยู่ 6 ตัว ถ้าเอาไปถามคนซัก 10 คน
ก็บอกคงบอกไม่เหมือนกันว่าอันไหนดีกว่า
อาจจะตัวอย่างน้อยไปหรืออะไรก็ตาม ดังนั้นจึงสร้างสถิติขึ้นมาทดสอบเหมือนวิธีตรวจสอบมาตรฐานที่ทุกคนยอมรับ
ทำให้สามารถบอกได้ว่าผลการทดลองที่ได้นั้นเหมือนหรือต่างกันนั่นเอง
![]() |
รูปที่ 1 แสดงระดับแคลเซียม (บนสุด) ฟอสฟอรัส (กลาง) และ แมกนีเซียม (ล่างสุด) ที่แตกต่างระหว่างกระต่ายปกติ (สีเขียว) และการต่ายอุ้มท้องและให้นม (สีแดง) ในช่วงการผลิตที่แตกต่างกัน |
จากผลการทดลองเห็นชัดว่า ระดับของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในเลือดในช่วง
ก่อนคลอด คลอด หลังคลอด
ไปถึงช่วงอย่านม กระต่ายได้สูญเสียระดับแคลเซียมลงไปมากเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
แล้วกว่าจะกลับมาก็ใช้เวลานานเกือบ 70 วันหลังคลอด พบว่าถ้าระดับแคลเซียมอยู่ในช่วง
10-11 mg/dl
กระต่ายจะไม่แสดงอาการและสามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้
แต่ถ้ากระต่ายมีปริมาณเลือดต่ำเกินไปก็ทำให้มีอาการและเสียชีวิตได้ ดังนั้นการรักษาได้มาจากการทดลองในรูปที่ 2 โดยเป็นการวัดระดับแคลเซียมหลังการฉีดแคลเซียม 0.6 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมเข้าสู่ช่องท้องกระต่าย โดยกระต่ายที่มีอาการทางคลินิกและมีระดับแคลเซียมต่ำมาก จากการช่วยเหลือดังกล่าวสามารถทำให้ระดับแคลเซียมอยู่ในระดับที่ปลอดภัยได้ที่ประมาณ 11 mg/dl ก็เป็นที่มาของคำแนะนำข้างต้นนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น