Talk : แม่กระต่ายไม่เลี้ยงลูก ตอนที่ 2 (หลักการ ตอนจบ)
หลังจากที่เราสามารถช่วยเหลือลูกกระต่ายได้แล้วนั้นในบทความนี้จะกล่าวถึงหลักการว่าทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น
เผื่อท่านผู้อ่านได้เข้าใจหลักการแล้วสามารถนำไปประยุกต์ต่อไปในอนาคตได้
ก่อนอื่นเลยนะครับ ก่อนที่เราจะรักษาหรือช่วยเหลือได้เราต้องเข้าใจธรรมชาติให้ดีเสียก่อน
แล้วการช่วยเหลือในกรณีที่ปัญหาอยู่ที่การจัดการเราก็เพียงจำลองให้เหมือนกับธรรมชาติหรือทำให้ดีกว่าเท่านั้นเอง
มีหลายครั้งที่มีคนถามพบว่าลูกกระต่ายต้องเอาน้ำเข้าหรืออาหารเข้าเมื่อไหร่ในกรณีแยกกับแม่
เมื่อผมเจอคำถามนี้ผมก็จะเปิดรูปที่ 1 ให้ดูทันทีครั้งเนื่องจากข้อมูลนี้เกิดจากงานวิจัย และทำให้เราเข้าใจได้ง่าย ผมจะอธิบายรูปที่ 1 เป็นข้อดังนี้ครับ
1. กราฟแกนตั้งบ่งบอกถึงปริมาณอาหาร
นม หรือน้ำมี่กระต่ายกิน มีหน่วยเป็นกรัมต่อวัน แกนนอนหมายถึงช่วงอายุของกระต่ายมีหน่วยเป็นวัน
เส้นสีส้มคือ การดื่มนม เส้นสีน้ำเงินคือ การกินน้ำ ส่วนเส้นสีเขียว
คือกินอาหารแห้ง
2. สำหรับเส้นสีส้ม
ลูกกระต่ายเริ่มกินนมตั้งแต่วันแรกจนกินมากที่สุดประมาณวันที่ 15-18
วันจากนั้นก็ลดลงจนเลิกกินนมประมาณวันที่ 44-49 วัน (จะมองเห็นชัดในรูปที่
2 ) ซึ่งปริมาณนมที่กินในแต่ละวันก็ตามในรูปที่ 1
3. จากนั้นช่วงวันที่ 18 ลูกกระต่ายจะเริ่มกินน้ำและอาหารทำให้วันที่ 18 คือวันที่เริ่มนำอาหารและน้ำเข้าให้
แต่ในกรณีแม่เลี้ยงลูกเราก็จะมีถาดอาหารและน้ำให้แม่อยู่แล้ว ลูกกระต่ายจะกินเอง
ขอให้แต่ลูกกระต่ายสามารถเข้าไปถึงน้ำและอาหารด้วยตนเอง
 |
รูปที่
1 แสดงความสัมพันธ์ของปริมาณอาหารต่างชนิดที่กระต่ายกินในช่วงแรกเกิดถึงอายุ
35 วัน (ดัดแปลงจาก Szendro et
al., 1999; Fortun-Lamothe and Gidenne, 2000)
Milk
oil คือไขมันที่อยู่ในนมแม่ มีความสามารถในการทำให้เชื้อแบคธีเรียลดลง
สามารถกล่าวได้ว่ากระต่ายที่โตแล้วจะมีแบคธีเรียมากมายหลายชนิดอยู่ในซีกัม (Caecum)
ซึ่งจะให้พลังงานส่วนมากในกระต่าย
แต่กระต่ายเด็กที่เกิดใหม่นั้นจะไม่มีเชื้อดังกล่าวในทางเดินอาหารเลย
โดยการที่ลูกกระต่ายจะได้รับเชื้อที่ดีคือ กระเพาะอาหารกระต่ายตอนเกิดจะมีความเป็นกรดด่างที่ค่อนข้างสูงซึ่งถ้ามีเชื้อก่อโรคเข้ามาในช่วงนี้กระต่ายก็จะป่วยทันที
แต่อย่างไรก็ตามช่วงนี้กระต่ายยังกินนมจากแม่ที่มี Milk oil ช่วยป้องกันอยู่
แต่เมื่อลูกกระต่ายกินนมลดลงปริมาณ Milk oil ที่ได้ก็ลดลงไป ในขณะที่ความเป็นกรดด่างยังสูงเหมือนเดิมโอกาสนี้ลูกกระต่ายจะเริ่มกินอุจจาระกลางคืน
(Soft feces) จากแม่เพื่อนำเชื้อที่ดีเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากในขณะที่กินนมเชื้อที่ดีจะไม่สามารถเข้าไปสู่ทางเดินอาหารกระต่ายได้เช่นเดียวกับเชื้อก่อโรค
เนื่องจาก milk oil ไม่มีความจำเพาะต่อเชื้อดีหรือก่อโรคนั่นเอง
หลังจากนั้นระดับความเป็นกรดด่างของกระเพาะกระต่ายจะลดต่ำลงจนเชื้อไม่สามารถเข้าไปได้อีก
ซึ่งสามารถอธิบายได้ในรูปที่ 2
จากหลักการดังกล่าวนั้น
ในกรณีที่แยกกันแม่ถาวรแต่สามารถกินนมแม่ได้ ช่วงแรกที่ลูกยังกินนมอยู่จะปลอดภัย จาก
นั้นจะเข้าสู่ช่วงรับเชื้อที่ดีจากแม่
ซึ่งถ้าลูกกระต่ายไม่ได้รับอุจจาระกลางคืนที่ดีนานเกินไป
อาหารที่กินก็ไม่สามารถย่อยได้ทำให้เสียชีวิตในที่สุด
แต่ในกรณีที่กระต่ายไม่ได้กินนมจากแม่เลยก็จะไม่ได้รับการคุ้มกันจาก Milk
oil ดังนั้นการเลี้ยงที่ สะอาดย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
จากรูปที่
2 ได้ดัดแปลงมาจาก
Smith (1966) แบ่งออกเป็น 3 โซน โซนแรกคือโซนที่ Milk oil ยังป้องกันอยู่ได้ในกรณีที่ลูกได้กินนมจากแม่
โซนต่อมาคือโซนที่ลูกกระต่ายกินนมลดลงเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
แต่ต้องได้เชื้อที่ดีจากแม่ และโซนสุดท้ายคือโซนที่ระดับความเป็นกรดด่างลงต่ำ
แต่ถ้ายังได้รับอุจจาระกลางคืนที่มีเชื้อที่ดีทันก็มีสิทธิรอดได้ โดยเส้นสีชมพูแสดงถึงระดับความเป็นกรดด่างที่ลดลง
เส้นสีส้มคือปริมาณนม และ Milk oil ที่ลูกกระต่ายกัน
และสีเขียวคือปริมาณอาหารที่ลูกกระต่ายกิน
|
 |
รูปที่
2 แสดงปริมาณอาหารที่กระต่ายกินในช่วงแรกเกิดจนอายุ 8 สัปดาห์ พร้อมกันแสดงระดับความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหาร (ดัดแปลงมาจากSmith,
1966)
สุดท้ายนี้ก่อนจะเครียดกันเกินไป
ผมขอเล่าประวัติแม่และลูกกระต่ายที่เอารูปมาลงหน่อยครับ เรื่องมีอยู่ว่าผมอยู่บ้านวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ผมน่าจะเรียนอยู่ปี 3 ผมได้รับโทรศัพท์จากรุ่นน้องที่เป็นเวรดูแลกระต่ายครับ
น้องบอกว่ามีคนเอากระต่ายมาให้ช่วยที่ชมรม บอกว่าแม่กระต่ายไม่เลี้ยงลูก
กินลูกกระต่ายไปแล้วด้วย 1
ตัวให้ช่วยหน่อย ผมก็บอกว่าผมจะพยายามช่วยครับ
ก็เลยบอกให้เอากระต่ายไว้ที่ชมรมเดี๋ยวผมเข้าไปดูครับ ผมก็รีบขับรถจากบ้านผมไปที่ชมรม
ก็พบว่ามีคราบเลือดติดอยู่ที่เท้าแม่กระต่าย (ใครเห็นก็คิดว่ากระทืบลูกตัวเองตาย
ผมก็คิดงั้นแหล่ะครับ แต่พอมองในแง่ดีอาจจะเป็นรกที่เปื้อนเลือดก็ได้)
จากนั้นผมก็ดูลูกกระต่ายคาดว่าจะออกวันนี้เป็นคอกแรก (จากข้อมูลที่สอบถาม)
แต่ผมก็เจอกระต่ายตัวใหม่อีกตัวในกรงตอนหลังผมถามน้องว่าเป็นพ่อ
ผมก็งงว่าจะเอาพ่อมาทำไม ก็เลยคิดว่าเค้าคงอยากให้ครอบครัวกระต่ายอบอุ่นมั้ง
ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร จากนั้นผมก็นำแม่และลูกกระต่ายกลับบ้านทันทีครับ
เนื่องจากต้องดูแลอย่างไกลชิดปล่อยอยู่ที่ชมรมไม่ได้
จุดนี้แหล่ะครับผมได้ถามพี่หมอ อาจารย์
และศึกษาเองในการช่วยเหลือลูกกระต่ายในกรณีแม่มีนมครั้งแรก
ผมเลี้ยงไปได้ประมาณเดือนครึ่งคาดว่ารอดแน่ ก็เลยบอกว่าให้เจ้าของมารับได้
น้องบอกว่าติดต่อไปได้ จ๊าก สรุปมาทิ้งกระต่ายให้เรารึเนี่ย ปวดหัวจริง
เหมือนตอนข่าวไข้หวัดกระต่ายดัง ผมก็พบกล่องกระดาษพร้องกระต่ายสามสี่ตัว
พร้อมเขียนว่า ขอให้ผู้ใจดีอุปการะด้วย เราก็อยากเป็นคนใจดีไงก็เลี้ยงกันไปอีก
ผมก็น่าคิดให้ดีก่อน ชมรมกระต่ายตั้งอยู่ข้างโรงพยาบาลสัตว์
ทำไม่มีปัญหาไม่ไปหาหมอมาหาชมรมทำไม หรือคิดว่าชมรมคือโรงพยาบาล เฮ้อ ช่างมันเหอะ
มองไปอนาคตแล้วกัน จากนั้นก็หาคนใจดีจริงๆรับเลี้ยงลูกไปครับ
|
____________________________________________________________________________________________________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น