Talk:
การจัดการฟาร์ม 3 (ประโยชน์)
วันนี้ผมจะกล่าวถึงประโยชน์นะครับ
การนำข้อมูลที่เก็บแล้วนำมาใส่ในฐานข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ และนำมาใช้ประโยชน์
แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ การจัดการ และการพัฒนาศักยภาพฟาร์ม
โดยเรามักจะใช้ประโยชน์ในการจัดการ เป็นส่วนใหญ่ ดังเช่น หาวันตรวจท้อง หาวันคลอด
จำนวนกระต่ายที่ออกมา เป็นต้น แต่ข้อมูลในการพัฒนาศักยภาพฟาร์มเรานำมาใช้น้อยมาก
ที่จากการสำรวจจะเห็นว่านำมาใช้ในการปลดพ่อพันธุ์ คือ
ดูประวัติพ่อพันธุ์ว่าตัวนี้ผสมไม่ค่อยติด หรือให้ลูกน้อยแล้วจึงปลดออกจากฝูง
แต่ความจริงแล้วข้อมูลดังกล่าวสามารถทำประโยชน์ได้มากกว่านั้น
โดยประโยชน์ต่างๆสามารถสรุปเป็นข้อได้ดังนี้
1.
เป็นข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ เมื่อเราต้องตัดสินใจทำอะไรก็ตามถ้าเราไม่มีข้อมูล
หรือหลักฐานมายืนยันการตัดสินใจดังกล่าวก็ไม่ต่างกับการเดา
หรือการใช้ความรู้สึกนั่นเอง ในรายงานนี้ผมยกตัวอย่างการเลือกพ่อพันธุ์เอาไว้
2.
ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ว่าตอนนี้ฟาร์มของเราอยู่ตรงไหนของปีแล้ว
จุดนี้เรานิยมใช้มาสุดคือ อัตราการทดแทนในฝูงเนื่องจากถ้าเราทดแทนน้อยเกินไป
แม่เราจะไม่พอ แต่ถ้าทดแทนมากเกินไปกรงเราก็จะไม่พอ วิธีการคิดไม่ยากครับ
เริ่มต้นจากเราต้องการมีแม่พันธุ์เท่าไหร่ หรือเรามีกรงสำหรับแม่เท่าไหร่
สมมติเรามี 200 กรงตอนนี้กระต่ายเต็มกรง และเราต้องให้ลำดับท้องเฉลี่ยของแม่อยู่ค่ากลางคือ
มีแม่ทุกลำดับท้องในอัตราที่เท่ากัน ซึ่งวิธีการทำให้เป็นดังกล่าวจะกล่าว ในรายละเอียดของแต่ละฟาร์มที่สนใจ ในฟาร์มกระต่ายทั่วไปอัตราคัดทิ้งอยู่ที่
50%ต่อปี ดังนั้น 1 เดือนต้องคัดทิ้งประมาณ 4.1%
ดังนั้นถ้าเรามีแม่ 200 ตัวเราต้องเอาออกเดือนละประมาณ 9 ตัวและเอาแม่ใหม่มาอีก 9
ตัวนั่นเอง วิธีนี้จะทำให้การผลิตเราคงที่ และมีกรงเพียงพอไม่มีกรงว่างเลย
โดยดัชนีที่ผมจับคือ ลำดับท้องในฝูงว่าคงที่หรือไม่
3.
สามารถเปรียบเทียบศักยภาพการผลิตระหว่าง อดีต หรือ ฟาร์มอื่น อันนี้เป็นประโยชน์ว่าฟาร์มของเราพัฒนาขึ้นหรือไม่
หรือเรายังย้ำอยู่ที่จุดเดิม อันนี้เป็นฟาร์มหนึ่งก่อน
หลังผมเข้าไปแนะนำเรื่องการดูแลลูกหลังคลอดเนื่องจากฟาร์มมีปัญหาลูกตายก่อนหย่าที่สูงเกินไป
ลองไปดูดัชนีกันครับ
ชื่อดัชนี
|
ค่าดัชนีของฟาร์ม
|
ค่าดัชนีมาตรฐาน
|
||
จำนวนลูก/แม่/ปี
|
28.54
|
32.23
|
||
ลูกหย่านม/คอก
|
5.49±2.5
|
6.32±2.4
|
||
จำนวนลูกคลอด ณ วันคลอด
|
6.4±2.14
|
6.6±2.10
|
||
จำนวนลูกตายก่อนหย่า
|
14.18%
|
4.2%
|
||
จำนวนคอก/แม่/ปี
|
5.2
|
5.1
|
||
ขนาดฝูงแม่
|
110
|
110
|
||
อัตราผสมติด
|
81.12%
|
80.02%
|
ดูจากดัชนีใครเป็นเจ้าของก็ต้องดีใจ
จำนวนคอก จำนวนแม่ อัตราผสมติด เท่าเดิมแต่สิ่งที่เปลี่ยนอย่างมากคือ
จำนวนลูกตายก่อนหย่าที่ดีขึ้น เนื่องจากผมให้เจ้าของฟาร์มดูแลลูกใกล้ชิดมาก
ดูว่าลูกทุกตัวได้นมหรือไม่ ถ้าไม่ได้ให้จับแม่ให้นมแก่ลูก ถามว่าเหนื่อยขึ้นแต่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมาก็น่าประทับใจ
เราได้ดูมาฟรีๆต่อแม่ถึง 4
ตัวทั้งฟาร์มก็ร่วม 400 ตัวเป็นต้น
4.
สามารถวางแผนพัฒนาศักยภาพการผลิตได้ในอนาคต อันนี้ถามว่าสำหรับผมเป็นสิ่งที่สัตวแพทย์ประจำฟาร์มต้องทำงานหนักมาก
เนื่องจากการแก้ปัญหาต่างๆให้ลงอยู่ในระบบแล้วนั้น
การพัฒนาศักยภาพต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก การเพิ่มผลผลิตทำได้สองทางคือ
การเพิ่มฝูงแม่ แล้วคงศักยภาพฟาร์มให้เหมือนเดิม ซึ่งการทำแบบนี้ผมไม่แนะนำ
และไม่ใช่งานของผมเป็นงานที่เจ้าของฟาร์มต้องตัดสินใจเองว่าต้องการลงทุนเพิ่มหรือไม่
เนื่องจากงานของผมจะทำเพียงทำให้กระต่ายออกลูกได้เยอะขึ้น ลูกตายน้อยลง
ป่วยยากขึ้น เป็นต้น
5.
ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น หรือปัญหาที่แอบแฝงอยู่ในฟาร์ม
โรคบางโรคเรียกว่าโรคแฝงจะทำลายฟาร์มโดยเราดูไม่ออกด้วยตาเปล่าเนื่องจากเวลาสัตว์ก่อนจะแสดงอาการต่างๆจะเป็นลำดับดังนี้
1.กินอาหารลดลง 2.ประสิทธิภาพการผลิตลดลง 3.แสดงอาการป่วย
ดังรูปที่ 1 แต่การรักษาส่วนมากเราจะรอจนถึงสัตว์แสดงอาการป่วยซึ่งบางทีก็สายเกินไป
หรือทำให้รอบการผลิตหยุดชะงักลงไปได้ ซึ่งในฟาร์มไก่ หรือสุกร
เมื่อสัตวแพทย์ประจำฟาร์มทราบว่ามีการกินลดลงผิดปกติเขาจะรักษาทันทีทำให้สัตว์หายป่วยก่อนที่จะป่วยด้วยซ้ำ
![]() |
รูปที่ 1 แสดงความสัมพันธ์ของการเกิดโรคเป็นลำดับ
สำหรับบทความตอนต่อไปเราจะยกตัวอย่างจากฟาร์มที่ไปเก็บข้อมูลมานะครับ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น