Talk:
ไข้น้ำนมในกระต่าย
2 (หลักการ)
ในส่วนนี้ผมจะพูดถึงหลักการนะครับ
ก่อนอื่นเราควรรู้จักกับแคลเซียมและแร่ธาตุที่มีความเกี่ยวโยงกับแคลเซียม
ซึ่งก็คือ ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม
แคลเซียม
เป็นแร่ธาตุที่มากกว่าร้อยละ 98
สะสมอยู่ในกระดูกและฟันซึ่งในส่วนนี้ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างค้ำจุน
ซึ่งฟันกระต่ายยาวประมาณ 2 มิลลิเมตรต่อสัปดาห์จึงต้องการแคลเซียมเป็นอย่างมาก
อีกร้อยละ 2 จะอยู่ในกระแสเลือดซึ่งทำหน้า ที่เกี่ยวกับ
การทำงานของหัวใจ การหดตัวของกล้ามเนื้อ การแข็งตัวของเลือด
รักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลท์ การทำงานของเซลล์ประสาท การทำงานของฮอร์โมน
ทำให้ผนังเซลล์แข็งแรง และเป็นส่วนประกอบในน้ำนม
กระต่ายเป็นสัตว์ที่มีปริมาณแคลเซียมในน้ำนมและในเลือดสูงกว่าสัตว์ชนิดอื่น
(ตารางที่ 1) ซึ่งสาเหตุก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
โดยระดับแคลเซียมในน้ำนมจะสูงกว่าสัตว์อื่นประมาณ 2 เท่า ดังนั้นในกระต่ายให้นมลูกจึงเสียแคลเซียมจากร่างกายมาก
ปริมาณอาหารที่ระดับแคลเซียมสูง
จะส่งผลต่อระดับของแคลเซียมในกระแสเลือดโดยตรง
ตารางที่
1 แสดงการเปรียบเทียบระดับแร่ธาตุในน้ำนมของ โค แกะ สุกร และกระต่ายปกติ
แร่ธาตุ
|
โคนม
|
แกะ
|
สุกร
|
กระต่าย
|
โซเดียม
|
0.45
|
0.45
|
0.5
|
0.96
|
โพแทสเซียม
|
1.5
|
1.25
|
0.84
|
1.86
|
แคลเซียม
|
1.2
|
1.9
|
2.2
|
4.61
|
แมกนีเซียม
|
0.12
|
0.15
|
-
|
0.27
|
ฟอสฟอรัส
|
1.9
|
1.5
|
1.6
|
2.78
|
คลอไรด์
|
1.1
|
1.2
|
-
|
0.66
|
ดัดแปลงมาจาก
Guegen
et al., 1988; Partridge and Gill, 1993; El-Sayiad et al., 1994; Maertens et
al., 2006
การดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เล็กสามารถผ่านทาง
Acive
vitamin D dependent transcellular transport ซึ่งต้องใช้พลังงานและวิตามินดีถึงจะทำงานได้
และอีกทางคือ Passive paracellular diffusion ที่ไม่ต้องใช้พลังงานหรือวิตามินดี
โดยใช้ความแตกต่างของความเข้มข้นของแคลเซียมระหว่างในทางเดินอาหารกับในระบบเลือด
ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นทางหลักในการดูดซึมแคลเซียมในกระต่าย การดูดซึมถูกขัดขวางจากอาหารที่มี
Phytate (ดังเช่น ถั่ว ธัญพืช),
Oxalate (ดังเช่น ผักขม อัลฟาฟ่า), Acetates เป็นส่วนประกอบเนื่องจากจะจับกับแคลเซียมทำให้ไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย
พืชชนิดอื่นที่มีแคลเซียมสูงแต่มีออกซาเลตต่ำดังเช่น บล็อคโคลี่ เป็นต้น
รวมทั้งยาเพนนิซิลลิน และคลอแรมฟีนิคอลก็สามารถจับกับแคลเซียมได้
กลไกการรักษาสมดุลของแคลเซียมในมีแคลเซียมอยู่ในกระแสเลือดในปริมาณปกติมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
การรักษาสมดุลของแคลเซียมเป็นดังนี้ (รูปที่1)
เมื่อร่างกายมีระดับแคลเซียมในเลือดลดลงจะมีการกระตุ้นให้ต่อมพาราไทรอยด์หลั่ง Parathyroid
hormone (PTH) ออกมาจะกระตุ้นให้มีการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น
และให้ไตดูดแคลเซียมกลับขับฟอสฟอรัสออกมากขึ้น
โดยผลทั้งสองอย่างทำให้ระดับแคลเซียมในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนั้นวิตามินดียังช่วยให้มีการดูดซึ่งแคลเซียมมากขึ้นโดยวิตามินดีมากจาก 7-dehydrocholesterol
ที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังเมื่อโดนแสงแดดก็จะกลายเป็นวิตามินดีที่ยังใช้งานไม่ได้
และวิตามินดีที่ใช้งานไม่ได้ก็สามารถมาจากอาหารได้
จากนั้นจะถูกขนส่งสู่ตับโดยจะเปลี่ยนเป็น 25(OH)D ด้วยเอนไซม์
25-hydroxylase จากนั้นไปยังไตเพื่อเปลี่ยนเป็น 1,25(OH)2D ด้วยเอนไซม์ 1-hydrosylase
ซึ่งจะทำงานก็ต่อเมื่อถูกกระตุ้นด้วย PTH สาร 1,25(OH)2D
เป็นรูปทำงานของวิตามินดีซึ่งจะไปที่ลำไส้เล็กทำให้สามารถดูดซึมแคลเซียมได้มากขึ้น
จากนั้นร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะสมดุล
รูปที่ 1 แสดงการรักษาสมดุลแคลเซียมเมื่อมีระดับแคลเซียมในเลือดต่ำลง
ในกรณีที่แคลเซียมในเลือดสูงขึ้นจะกระตุ้นให้
C-cell ของต่อมไทรอยด์หลั่งฮอร์โมนแคลซิโทนินซึ่งส่งผลให้มีการนำแคลเซียมไปเก็บในกระดูกมากขึ้น
เพิ่มการขับแคลเซียมออกทางไต ลดการดูดซึมแคลเซียมในทางเดินอาหาร
ซึ่งส่งผลให้ระดับแคลเซียมในกระแสเลือดลดลงจนกลับมาสู่สมดุล ทางหลักในการขับแคลเซียมออกจากร่างกายคือ
ปัสสาวะ ในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งเรามักพบว่าปัสสาวะกระต่ายมีสีขาวขุ่น
เป็นตะกอน และเมื่อกินอาหารที่มีระดับแคลเซียมสูงดังเช่น อัลฟาฟ่า แครอท เป็นต้น
ปัสสาวะกระต่ายก็จะมีสีขาวขุ่นมากขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งถ้าระดับแคลเซียมมากเกินไปแคลเซียมจะถูกขับมาทางอุจจาระด้วย
ระดับแคลเซียมในเลือดที่มากกว่า 40g/kgBW เป็นระยะเวลานานส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว
(Urolithiasis) หรือ การสะสมแคลเซียมในเนื้อเยื่อ (Calcification of soft tissue) ดังนั้นระดับแคลเซียมที่เหมาะสมในกระต่ายเลี้ยงคือ ประมาณร้อยละ 0.6-1
ต่ออาหารทั้งหมด
รูปที่ 1 แสดงการรักษาสมดุลแคลเซียมเมื่อมีระดับแคลเซียมในเลือดสูงขึ้น
ดังนั้นฮอร์โมนพาราไทรอยด์จึงมีความสำคัญในการทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดสูงมากเพียงพอต่อการดำรงชีวิต
ในบทความต่อไปผมจะพูดถึงฟอสฟอรัส และแมกนีเซียมครับ
________________________________________________________________________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น