Talk:
กระต่ายคอเอียง
ตอนที่
3 (วิธีการตรวจ
การรักษา)
หลังจากเชื้อชนิดนี้มีการแพร่ระบาด
และสร้างปัญหาในหลายประเทศ
นักวิจัยได้มีการคิดค้นวิธีการตรวจหาเชื้อเพื่อยืนยันการติดเชื้อหลากหลายวิธี
เนื่องจากกระต่ายส่วนมากที่ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการใดๆ วิธีการตรวจที่มีความถูกต้องและแม่นยำย่อมมีความจำเป็นเพื่อบ่งบอกการมีเชื้ออยู่ในฟาร์มได้เป็นอย่างดี
วิธีการตรวจสามารถหาได้สองอย่างคือ หาตัวเชื้อ (Antigen) และ
หาการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจากสัตว์ (Antibody) ซึ่งจะกล่าวดังต่อไปนี้
การตรวจหาตัวเชื้อ หรือแอนติเจน
พูดง่ายๆก็คือการหาตัวเชื้อเลย เหมือนกับว่าเราเจอตัวพยาธิชัดๆเลยประมาณนี้
ดังนั้นถ้าผลบวกจากวิธีการตรวจดังกล่าวก็บอกได้ว่ามีเชื้อดังกล่าวจากตัวอย่างที่นำมาใช้ตรวจ
การตรวจหาตัวเชื้อในเชื้อชนิดนี้ต้องใช้ตัวอย่างจาก สมอง ตา ตับ ไต หัวใจ
ของกระต่ายมาตรวจซึ่งวิธีการตรวจมีดังนี้
1. กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน
วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีมาตรฐาน (Gold standard) แต่อย่างว่าชีวิตจริงใครจะเอาไปตรวจT-T
2. การศึกษาทางจุลพยาธิวิทยาร่วมกับการย้อมสี
หรือพูดง่ายๆคือตัดไสลด์แล้วย้อมสี สำหรับสีที่ผมแนะนำคือสี Uvitex2B นะครับ เพราะเห็นชัดและง่ายที่สุด เราจะเห็นเป็นสีเรื่องแสงชัดเจนมาก
3. การตรวจหาสารพันธุกรรม
หรือหาดีเอนเอนั่นเอง
การตรวจหาการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันจากสัตว์ (Antibody)
จะสามารถบอกได้เพียงว่าครั้งหนึ่งสัตว์ดังกล่าวเคยได้รับเชื้อเท่านั้น
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าแอนติบอดี้คืออะไร แอนติบอดี้
คือโปรตีนขนาดใหญ่ในระบบภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสัตว์ได้สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา
หรืออธิบายได้ว่าเวลาร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอม จากนั้นร่างกายต้องการกำจัดออกไป
วิธีหนึ่งที่จะกำจัดออกไปได้คือการสร้างแอนติบอดี้ซึ่งมีความจำเพาะต่อเชื้ออย่างมาก
หมายความว่าถ้าเราติดเชื้อ A ร่างกายก็จะสร้างแอนติบอดี้ต่อเชื้อ A ออกมา
ดังนั้นวิธีการตรวจก็จะหาแอนติบอดี้ A ถ้าการตรวจเจอก็สามารถบอกได้ว่า ร่างกายได้สร้างมีการต่อต้านเชื้อ A ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าร่างกายเคยได้รับเชื้อมาก่อน
แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่าในขณะนี้ยังมีเชื้ออยู่หรือร่างกายได้กำจัดเชื้อไปแล้ว
ตัวอย่างที่ใช้ตรวจก็คือเลือด ซึ่งปัจจุบันมีวิธีดังนี้
1. Enzyme-linked immunosorbent assay
(ELISA) และ Carbon immune assay (CIA) ซึ่งสองวิธีนี้ได้มีรายงานการใช้ในประเทศไทยแล้ว
โดยวิธีดังกล่าวเราสามารถสั่งซื้อชุดตรวจจากบริษัทแล้วมาตรวจได้
2. Indirect fluorescent assay (IFA)
3. Direct agglutination
สำหรับการรักษามียาที่สามารถเลือกใช้ได้สองตัวดังนี้ครับ
1. Albendazole ขนาด 20-30 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ให้วันละครั้ง ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นลดขนาดยาเป็น
15 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัม ให้วันละครั้ง ต่อเนื่องอีก 1 เดือน โดยให้ทางการกิน
2. Fenbendazole ขนาด 20 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ให้วันละครั้ง ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน โดยให้ทางการกิน
โดยส่วนมากมักให้ยาแก้อักเสบร่วมด้วย
เนื่องจากเชื้อจะอยู่ในเซลล์แล้วออกจากเซลล์ด้วยการทำให้เซลล์แตกออกมาดังนั้นต้องมีการอักเสบที่อวัยวะที่เชื้ออยู่อย่างแน่นอน
หลังจากที่ไม่มี Caprofen
ก็สามารถใช้ Tramadol แทนได้ครับ
ครับผม
สำหรับบทความครั้งต่อไปจะเป็นตอนจบนะครับ
ถ้าใครมีวิธีการรักษาที่แตกต่างออกไปก็สามารถมาพูดคุยกันได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น